ถ้ำพุงช้าง

 ถ้ำพุงช้าง อยู่ภายในบริเวณวัดประพาสประจิมเขต หลังศาลากลางจังหวัด ถนนเพชรเกษม เป็นถ้ำใหญ่ที่อยู่ใจกลางเขาช้างบริเวณที่เรียกว่า "พุงช้าง" เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างความยิ่งใหญ่ของหินงอกหินย้อยให้ประทับใจตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็น การเที่ยวถ้ำพุงช้าง ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย นักท่องเที่ยวจะต้องเดินลุยน้ำ นั่งแพ และนั่งเรือแคนนู เพื่อเข้าไปชมหินงอกหินย้อยที่เป็นฝีมือธรรมชาติ หินงอกหินย้อยมีลักษณะของช้างหลากรูปแบบที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหินงอกหินย้อยรูปช้างร้อย ๆ เชือกเดินตามกันเป็นวงรอบ หินงอกรูปช้างนั่งอยู่ใต้ฉัตรภายในถ้ำ บันไดสีทองเกิดจากหินงอกอันวิจิตรยิ่งเมื่อถูกแสงไฟจะเป็นประกายสวยงามมาก การเดินเที่ยวถ้ำพุงช้างใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ติดต่อบริการนำเที่ยวถ้ำพุงช้างได้ที่ 076-264-320, 093-624-6933, 084-309-3699

ข้อมูลเพิ่มเติม:โทร.076-264-320, 093-624-6933, 084-309-3699

การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก

กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะ

วัดประพาสประจิมเขต เมืองเล็กๆ อย่างเมืองพังงามีถนนสายหลักกลางเมืองอยู่สายเดียวคือถนนเพชรเกษม มีถนนขนานกันอีก 2 สาย เป็นถนนสายรองการเดินทางท่องเที่ยวไปตามที่เที่ยวต่างๆ ในเมืองพังงาจึงนับเป็นเรื่องง่ายดายอย่างมาก ถ้าเริ่มจากบขส. พังงา ก็แค่หาสองแถวสักคันเป็นสองแถวไม้หรือโพถ้องที่อนุรักษ์กันอยู่ซะด้วย ไม่นานก็จะมาถึงวัดแห่งนี้ ด้านหน้าวัดมีซุ้มประตูกับรูปปั้นช้างขนาดใหญ่ ถัดไปหน่อยเป็นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่ชาวไทยศรัทธานับถือ อยู่ในสวนกาญจนาภิเษก ถ้าเห็นวัดนี้ก็แสดงว่าเรามาไม่ผิดที่แล้วเข้าไปติดต่อด้านในเลย

ก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำพุงช้างได้ เราจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางให้เรา เจ้าหน้าที่จะรออยู่แล้วที่ศาลามุงหญ้าแบบในภาพบนซ้าย ที่เห็นเป็นเสาสามต้นมาเรียงกันเหมือนปิรามิต ที่นี่เค้าเรียกกันว่าเจดีย์ เจดีย์แรกจะเป็นเจดีย์หลวงปู่ทวด ส่วนเจดีย์อีกองค์เป็นหลวงพ่อเกษม พอเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ จะมีค่านำทางเข้าชมถ้ำ พร้อมอุปกรณ์ครบครันอย่างเช่นไฟฉายมากมายเพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปพร้อมกันจำนวนมากๆ จากนั้นก็เดินไปตามทางเดินเข้าปากถ้ำ ผ่านเจดีย์สีขาวอีกองค์ เป็นสถูปเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้ค้นพบถ้ำแห่งนี้ เจดีย์ตั้งอยู่หน้าเขาช้างซึ่งตรงกลางเป็นทางเข้าถ้ำด้วยตำแหน่งที่อยู่กลางเขาพอดีนี้จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำพุงช้าง นั่นเอง เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะมีป้ายหน้าถ้ำ แล้วก็เป็นศาลพ่อตาเขาช้างที่สร้างขึ้นมาเมื่อใดก็ไม่ปรากฏหลักฐาน แต่ก็คงนานมากแล้ว เราเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางไปทั่วต้องเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสถานที่ ไหว้ศาลพ่อตาเขาช้างแล้วค่อยเดินทางกันต่อ

เจ้าหน้าที่พาเราเดินตรงเข้าไปในปากถ้ำมีน้ำนองอยู่ด้านใน มีเรือยางหลายลำจอดรออยู่ ก่อนที่จะเดินเข้าไปบอกก่อนเลยว่าที่นี่ห้ามถ่ายรูปภายในถ้ำ อุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่นกล้องและโทรศัพท์จะต้องฝากไว้ที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ในศาลา ด้วยเหตุผลที่ว่าการถ่ายรูปด้วยแสงแฟลชก็อาจจะทำให้เกิดปฏิกริยากับหินงอกหินย้อยในถ้ำได้ ส่วนผมและเพื่อนในทริปนี้ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษไม่งั้นจะมีรูปมาบอกเล่ากันได้ไงละครับ

การเดินทางในช่วงแรกในถ้ำพุงช้างต้องใช้เรือแคนนูหรือคายัค นั่งกันสูงสุดได้ลำละ 3 คน ภายในถ้ำมีน้ำอยู่ตลอดเจ้าหน้าที่จะพายเรือพาเราเข้าไปเรื่อยๆ ระหว่างนี้เราก็พยายามถ่ายรูปออกมาให้ชมกันให้มากที่สุด ถ้ำแห่งนี้มีช่องทางเดินไม่กว้างเท่าไหร่ แต่เพดานถ้ำสูงมาก บางช่วงช่องว่างกว้างพอดีแค่ลำเรือ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็มาสุดทางเรือต้องไปแพไม้ไผ่กันต่อ แพเหล่านี้ก็จะจอดรออยู่กลางถ้ำแล้ว แค่ลงจากเรือไปนั่งแพก็พอ

พอเราขึ้นแพแล้วเค้าก็จะลากเราไป ใช้วิธีการพายไม่ได้แล้ว ระดับน้ำก็มีตั้งแต่ลึกถึงอก แล้วก็ตื้นแค่ไม่ถึงเอว พอน้ำตื้นมากๆ เราก็ต้องเดินลุยน้ำกันต่อไป

เสาหินถ้ำพุงช้าง พอสุดทางแพเราก็ต้องลงเดิน ตรงจุดนี้เราจะได้เห็นเสาหินงอกหินย้อยกันเป็นจุดแรก ถ้ำพุงช้างเป็นถ้ำเป็นหินงอกหินย้อยเหล่านี้มีการเติบโตอยู่ตลอดเวลา การถ่ายรูปโดยไม่เปิดแฟลชก็ใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะได้มาขนาดนี้

ทางเดินในถ้ำพุงช้าง นับจากนี้ไปเราก็ต้องเดินกันลูกเดียวแล้ว ระดับน้ำตื้นบ้างลึกบ้างส่วนที่ลึกสุดก็แค่เกินเข่ามาหน่อยเดียวลักษณะของถ้ำยังคงเหมือนเดิมกว้างประมาณ 1 เมตรกว่าๆ แต่สูงมาก ที่น่าแปลกก็คือเข้าถ้ำมาตั้งหลายร้อยเมตร เราจะรู้สึกว่ามีลมพัดสวนทางออกมาตลอดเวลา แสดงว่าถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำทะลุมีธารน้ำลอดมาตลอด ในหน้าฝนเวลาฝนตกหนักๆ จะไม่ให้เข้าไปในถ้ำนี้เพื่อป้องกันอันตรายจากน้ำป่าไหลหลาก ระยะทางในถ้ำนี้แบ่งออกเป็นสามช่วงคือช่วงแคนนู แพไม้ไผ่ แล้วก็เดิน แต่ละช่วงมีความยาวต่างกัน ช่วงที่ต้องเดินจะเป็นช่วงที่ยาวที่สุดหินงอกหินย้อยที่น่าสนใจต่างๆ จะอยู่ช่วงที่สามเป็นหลัก ตรงไหนมีอะไรเจ้าหน้าที่จะหยุดแล้วบอกให้เราดู เราก็ถ่ายรูปให้มากๆ ไว้ค่อยมาเลือกภาพเสียออกเอาทีหลัง

ทางเดินในถ้ำพุงช้าง

หินเด็กทารก พอเดินมาได้สักพักเจ้าหน้าที่หยุดอยู่ตรงนี้แล้วฉายไฟขึ้นไปบนเพดานถ้ำ พอเรามองตามไปก็เห็นภาพนี้เข้า โอ้วแม่เจ้า ตกใจเลยครับ หินงอกแท่งนี้มีลักษณะเหมือนเด็กทารกนั่งขดตัวอยู่มีหน้ามีตาชัดมาก แถมเป็นหินสีขาวพอถูกไฟก็สะท้อนแสง เป็นใครก็ต้องตกใจกันบ้างละครับ นี่ถ้ามาคนเดียวมีหวังวิ่งไม่เหลียวหลังไปแล้ว

เงาพญานาค แต่เมื่อเราลองพิจารณาดูให้ดี หลังจากที่หายตกใจกับหินทารกแล้ว เจ้าหน้าที่ปรับมุมของไฟฉายให้เห็นเป็นเงาจากหินงอกไปทาบบนผนังถ้ำมีรูปเงาเหมือนคนกำลังไหว้พญานาค แหมสมกับเป็นเมืองใต้เมืองแห่งหนังตะลุงจริงๆ เรื่องแสงกับเงานี่ต้องยกให้เค้าเลย หินงอกชุดนี้จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พิเศษไปกว่าถ้ำอื่นๆ

หินนกกระเรียน อีกจุดหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ชี้ไฟให้ดู หินงอกรูปร่างเหมือนนกกระเรียนจริงๆ

ฟอสซิลหอยถ้ำพุงช้าง ระหว่างทางเดินยาวหลายร้อยเมตรลักษณะของผนังถ้ำก็มีอะไรๆ ให้เราดูไปเรื่อยๆ ไม่ใช่มีแต่หินงอกหินย้อยเท่านั้น หินในถ้ำพุงช้างเป็นลักษณะของหินที่อยู่ในถ้ำที่มีน้ำผ่าน ไม่ค่อยแหลมคมแต่ลื่นมาก ในเนื้อหินมีลวดลายของธาตุต่างๆ ที่แทรกอยู่ถ้าเราดูให้ดีๆ จะเห็นว่าในเนื้อหินมีฟอสซิลเปลือกหอยฝังอยู่ น่าจะมีอายุกันเป็นล้านปี และที่สำคัญเป็นหลักฐานให้เราเห็นว่าถ้ำแห่งนี้ที่จริงเคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน รู้แบบนี้แล้วก็ไม่อยากคิดเลยว่าอนาคตโลกนี้จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนน้อ

หินบัวคว่ำ อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของการเดินชมถ้ำพุงช้าง ตรงจุดนี้เราจะได้เห็นบัวคว่ำซ้อนกันอยู่หลายชั้น ใต้บัวคว่ำเลยไปอีกหน่อยจะมีหินรูปร่างคล้ายๆ หัวช้างยืนเรียงแถวกันเหมือนฐานพระธาตุช้างค้ำเลย

ประกายเพชรถ้ำพุงช้าง อีกหนึ่งความสวยงามในถ้ำพุงช้างและถ้ำแห่งอื่นๆ ที่นักเดินถ้ำปรารถนาจะได้เห็น คือประกายวับวาวเหมือนกับเพชรที่จะอยู่บนหินงอกหินย้อยเฉพาะหินเป็นเท่านั้น หินงอกหินย้อยในถ้ำมีความพิเศษหล่อหลอมแร่ธาตุอนูเล็กๆ ตกตะกอนรวมกันขึ้นเป็นเสาหินใหญ่ เพียงแค่เราเอามือจับหินงอกหินย้อยตรงที่ถูกจับก็จะตาย แร่ธาตุบางชนิดที่สะสมอยู่บนหินเหล่านี้จะสะท้อนแสงแวววาวเมื่อโดนแสงไฟฉาย เป็นภาพที่ตรึงตาตรึงใจคนชอบถ้ำเป็นที่สุด ในถ้ำพุงช้างไม่ค่อยได้เห็นแสงแวววาวแบบนี้ คงเป็นเพราะที่นี่มีแร่ธาตุเหล่านี้อยู่น้อย แถมยังเป็นถ้ำที่มีน้ำไหลผ่านทุกปีด้วยแต่พอได้เห็นว่ามีหินที่มีประกายแวววาวก็มีซะเยอะเลย

กิ้งกือถ้ำ สิ่งหนึ่งที่หาได้ยากในถ้ำก็คือสิ่งมีชีวิต สัตว์ที่จะอาศัยอยู่ในความมืดตลอดเวลาได้นั่นหายากมีเพียงไม่กี่ชนิด ได้แก่จิ่งหรีดถ้ำ แมงป่องถ้ำ งูบางชนิด และกิ้งกือถ้ำแบบเจ้าตัวนี้ ด้วยความที่สัตว์เหล่านี้อาศัยได้เฉพาะในถ้ำ จึงหาดูได้ยากยิ่งเมื่อเราอยู่ด้านนอกนี่ก็เป็นกิ้งกือแค่ตัวเดียวที่เราได้เห็นในถ้ำพุงช้างสำหรับวันนี้

หินย้อยหลอดกาแฟ อีกหนึ่งดัชนีที่ชี้วัดว่าถ้ำนี้ยังเป็นถ้ำเป็นก็คือการเติบโตของหินงอกหินย้อยขนาดเล็กที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ลองจินตนาการดูว่าหินย้อยเท่าหลอดกาแฟเหล่านี้กว่าจะโตขึ้นเป็นเสาหินขนาดใหญ่ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ฉะนั้นควรจำไว้ให้ดีว่านักเที่ยวถ้ำที่ดีต้องไม่จับ ปีน เหยียบ หินงอกหินย้อยเด็ดขาด ไม่งั้นมันก็จะตายและไม่เติบโตต่อไปอีก

ทางเดินภายในถ้ำพุงช้างยังคงลึกเข้าไปเรื่อยๆ บางช่วงต้องผ่านช่องแคบๆ ต้องก้มต่ำๆ ผ่านไปก็จะโล่งกว้างอีกครั้ง บางช่วงก็จะได้เห็นหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยๆ สลับกับหินที่มีผิวสีดำเป็นมัน มีลวดลายสีขาวเหมือนภาพวาดลงบนหิน ได้แก่รูปผู้หญิงถือเบ็ดนั่งตกปลา รูปหนังตะลุง ฯลฯ

หินรูปช้าง เป็นเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ของถ้ำพุงช้าง ที่จะไม่มีให้เห็นในถ้ำอื่น หินรูปช้างนี้มีลักษณะเหมือนช้างตัวเล็ก อยู่สูงเกือบถึงเพดานถ้ำ ต้องใช้เลนส์เทเลซูมภาพมา ความมหัศจรรย์ของหินนี้อยู่ตรงที่วงกลมสีแดงที่เหมือนตาช้าง ยิ่งทำให้เหมือนสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากกว่าเกิดขึ้นตามธรรมชาติ หินรูปช้างอยู่ส่วนในสุดของทางเดินถ้ำพุงช้าง แต่ดูจากเส้นทางแล้วมีทางมุดลอดไปต่อได้อีก แต่คงเป็นเหตุผลของเจ้าหน้าที่ที่จะปิดเส้นทางเที่ยวถ้ำพุงช้างเอาไว้แค่นี้ นับเวลาเดินเข้ามาแล้วกลับออกไปก็เกือบ 1 ชั่วโมงไปแล้ว ไม่ต้องเดินต่อไปอีกเท่านี้ก็สร้างความประทับใจให้คนที่ได้มาเห็นอย่างล้นหลามแล้ว

อ่างพุงช้าง หินย้อยที่มีลักษณะเหมือนอ่างหลายอ่างเรียงกัน ปกติจะมีน้ำไหลเข้าไปขังอยู่เต็มอ่างเป็นภาพที่สวยมากแต่ตอนนี้ฝนคงเพิ่งตกได้ไม่กี่วันอ่างเลยแห้ง เลยจากอ่างไปก็เห็นว่ามีทางไปต่อจนน่าจะทะลุออกอีกด้านของเขาช้าง แต่ถ้ำที่ลึกมากๆ หลายๆ แห่งในเมืองไทยมักจะเปิดให้เราเข้าไปชมได้แค่ครึ่งเดียวหรือส่วนเดียวเพื่อรักษาความสดของถ้ำเอาไว้ อีกเหตุผลหนึ่งที่เจอบ่อยๆ ก็คือทางเดินช่วงต่อไปอันตรายเกินกว่าที่จะให้นักท่องเที่ยวเข้าไป หรือไม่ก็ยังเป็นถ้ำที่ยังไม่เคยมีการสำรวจอย่างเป็นทางการนั่นเอง

เมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าเราเดินมาจนสุดทางที่เปิดให้เที่ยวแล้ว ต่อจากนี้ก็คือการเดินกลับ เราก็ยังคงเก็บภาพไปเรื่อยๆ บางส่วนที่เราไม่เห็นตอนขามาหรือบางส่วนที่เราไม่แน่ใจว่าภาพจะสวยหรือเปล่า ก็ถ่ายกันใหม่เผื่อเสีย

หัวใจคู่แห่งถ้ำพุงช้าง ภาพผนังหินของถ้ำที่มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ มีรูทะลุรูปหัวใจดูไปก็ธรรมดา แต่พอเอาไฟฉายไปส่องก็เกิดมีมิติ มีเงาของรูปหัวใจไปโผล่ที่ผนังหินใกล้ๆ ไม่ว่าใครได้มาเห็นก็คงชอบ

หินรูปเจ้าหญิงนั่งบัลลังก์ ปิดท้ายสุดๆ กับภาพจากถ้ำพุงช้างที่บังเอิญไปเห็นเข้าระหว่างเดินกลับไปที่แพไม้ไผ่ หินงอกตรงนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ชี้ให้เราดูแต่เราจินตนาการไปเอง ส่วนคนอ่านละเห็นเหมือนผมบ้างหรือเปล่า ถ้ำที่สวยที่สุดในพังงาอย่างถ้ำพุงช้าง ทุกวันนี้มีฝรั่งมาเที่ยวกันเยอะแต่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่ ว่างๆ มาเที่ยวพังงาอย่าได้พลาดถ้ำแห่งนี้โดยเด็ดขาด ไม่ใช่แค่การเที่ยวถ้ำดูหินงอกหินย้อย แต่ถ้ำนี้มีกิจกรรมให้เราได้เยอะทั้งนั่งแคนู นั่งแพไม้ไผ่ แล้วก็เดินตามธารน้ำด้วย แม้ว่าจะเก็บภาพไม่ได้แต่ความประทับใจเราเก็บได้ ไม่เชื่อลองมาดู

ขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพังงา

รีวิว ถ้ำพุงช้าง พังงา

---

 "กลับมาอัพเดทกันอีกสักรอบ"

Akkasid Tom Wisesklin
2017-04-19 23:17:11

---